ในโลกที่เราอยู่กันในทุกวันนี้ มีสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่เรียกว่า Internet of Things (IoT) ที่ทำให้ชีวิตของเราง่าย สะดวกและดีขึ้น สำหรับ IoT มันเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อสิ่งของในชีวิตประจำวันเข้ากับอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้เราสามารถคอนโทรลอุปกรณ์ต่างๆ หรือรับทราบข้อมูลต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว และมีผลกระทบอย่างมากต่อวิถีชีวิตของเรา ทีนี้เรามาดูกันว่า IoT ที่ว่ามานี้ มันมีความสำคัญอะไรบ้าง เอาเข้าจริงตอนนี้กลายแป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว
บ้านอัจฉริยะ
ลองนึกภาพการมีบ้านที่ฉลาดสุดๆ และสามารถทำสิ่งต่างๆ ให้คุณได้ นั่นคือสิ่งที่ IoT สามารถทำให้คุณได้! ด้วย IoT คุณสามารถควบคุมไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า และแม้แต่ระบบรักษาความปลอดภัยของคุณโดยใช้สมาร์ทโฟน คุณสามารถเปิดเครื่องปรับอากาศที่บ้าน ก่อนคุณเข้าไปในบ้าน หรือรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการใช้พลังงานที่บ้าน ทุกอย่างเกี่ยวกับการทำให้บ้านของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้นและปรับให้เหมาะกับความต้องการของคุณเอง ซึ่งแต่ละบ้านจะมีความต้องการไม่เหมือนกัน แน่นอนว่า การจะได้บ้านอัจฉริยะมานั้นเราจำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาติดตั้งในบ้าน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านั้นเราสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าออนไลน์ โดยอุปกรณ์เหล่านั้นจะมีแอฟพลิเคชั่นให้เราควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน โดยรูปแบบนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นง่ายๆ ที่จะทำให้บ้านของคุณเริ่มมีความสมาร์ทเข้ามาแล้ว แต่ถ้าเราต้องการให้บ้านเรานั้น มีความสามารถมากกว่านั้น อะไรๆ ก็อัตโนมัติหมด จำเป็นที่เราต้องปรึกษาผู้เชียวชาญมาดูแลให้ หากจะทำด้วยเองก็ต้องศึกษาเรียนรู้เพิ่มขึ้นอีก
สุขภาพดีขึ้นด้วยอุปกรณ์สวมใส่
IoT ยังสร้างความแตกต่างอย่างมากในด้านการดูแลสุขภาพ อุปกรณ์สวมใส่ เช่น สมาร์ทวอทช์และตัวติดตามฟิตเนสช่วยให้คุณติดตามสุขภาพของคุณได้ พวกเขาสามารถตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ รูปแบบการนอนหลับ และแม้แต่กิจวัตรการออกกำลังกายของคุณ ข้อมูลนี้สามารถแบ่งปันกับแพทย์ของคุณ ซึ่งสามารถให้การดูแลที่ดีขึ้นและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลได้ IoT ทำให้เราดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ของเราได้ง่ายขึ้น
เมืองอัจฉริยะ: การใช้ชีวิตในโลกที่เชื่อมต่อถึงกัน
IoT กำลังเปลี่ยนเมืองให้เป็นเมืองอัจฉริยะ นั่นหมายความว่าอย่างไร? หมายถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้เมืองของเราดีขึ้นและยั่งยืนยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เซ็นเซอร์และการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถช่วยจัดการการใช้พลังงาน ลดความแออัดของการจราจร และปรับปรุงการจัดการของเสีย โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะช่วยให้แน่ใจว่ามีการกระจายไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และระบบขนส่งที่เชื่อมต่อกันทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น IoT คือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการทำให้เมืองของเราสะอาดขึ้น ปลอดภัยขึ้น และน่าอยู่มากขึ้น
ในบ้านเรารัฐบาลเร่งขับเคลื่อน “เมืองอัจฉริยะ (Smart City)” ยกระดับการบริหารจัดการเมือง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
โครงการเมืองอัจฉริยะ เป็นโครงการที่รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนไทย และจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ล่าสุด ได้มีเมือง/พื้นที่ที่ผ่านเกณฑ์ จนได้รับมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย จากพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จำนวนกว่า 15 เมือง
โดย 15 เมืองอัจฉริยะดังกล่าว ถือว่าเป็นต้นแบบของเมืองที่ได้ดำเนินการจนเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ประกอบด้วย
1. ขอนแก่นเมืองอัจฉริยะ
2. ฉะเชิงเทรา เมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว น่าลงทุน
3. ภูเก็ตเมืองอัจฉริยะ
4. เมืองศรีตรัง
5. การพัฒนาเมืองอัจฉริยะเพื่อสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่โดยรอบคลองผดุงกรุงเกษม
6. เมืองอัจฉริยะย่านพระราม 4
7. สามย่านสมาร์ทซิตี้
8. การพัฒนาเมืองเก่าอย่างชาญฉลาด เทศบาลนครเชียงใหม่
9. เมืองอัจฉริยะเพื่อความเป็นเลิศที่ยั่งยืนสู่ชุมชน พื้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และพื้นที่ประกอบ
10. เมืองแม่เมาะน่าอยู่ จ.ลำปาง
11. ยะลาเมืองอัจฉริยะเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชน
12. นครสวรรค์สมาร์ทซิตี้
13. แสนสุขสมาร์ทซิตี้ จ.ชลบุรี
14. เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง
15. เมืองอัจฉริยะมักกะสัน เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
การดำเนินโครงการดังกล่าว สอดคล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องการให้เกิดการกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ อันจะส่งผลให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
*ข้อมูลจาก : thaigov.go.th
สำหรับโครงการเมืองอัจฉริยะในบ้านเรา มีเป้าหมายตามรูปด้านล่าง สำหรับความคืบหน้าไม่ปรากฏแน่ชัดว่า โครงการคืบหน้าไปถึงไหน หากเราทราบจะมานำเสนออีกครั้ง
ทำให้อุตสาหกรรมฉลาดขึ้น
IoT ยังสร้างผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เรียกว่าอุตสาหกรรม 4.0! ด้วย IoT โรงงานและธุรกิจสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานได้อย่างราบรื่น ช่วยป้องกันชำรุดของเครื่องจักรด้วยการคาดคะเนเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่งหมายถึงเวลาหยุดทำงานน้อยลงและผลผลิตเพิ่มขึ้น ด้วยการใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่อง บริษัทสามารถปรับปรุงกระบวนการ ประหยัดเงิน และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระบบเกษตรอัจฉริยะ
IoT ได้เปลี่ยนการเกษตรให้เป็นอุตสาหกรรมที่ชาญฉลาด มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยั่งยืน เกษตรกรกำลังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเทคโนโลยี IoT ผ่านการทำฟาร์มแบบแม่นยำ การตรวจสอบปศุสัตว์ โรงเรือนอัจฉริยะ เกษตรกรสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลตามเวลาจริง ทำให้ได้ผลผลิตที่สูงที่มาพร้อมกับการส่งมอบผลิตผลคุณภาพสูงแก่ผู้บริโภค ในขณะที่ IoT ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง อนาคตของการเกษตรก็ดูสดใสกว่าที่เป็นมา
Add comment